ira logo
ira logo
EN
TH

กลับไปหน้าบทความทั้งหมด

ดูแลน้องสาวไม่ให้มีกลิ่น วิธีดูแลจิมิให้สุขภาพดี

August 5, 2024

6 นาที

โดยปกติแล้วน้องสาวของเรามีความเป็นกรดอ่อน ๆ หรือมี pH ต่างจากบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย อยู่ที่ pH ประมาณ 3.8 - 4.5 และมีแบคทีเรียประจำถิ่นอาศัยอยู่ เพื่อทำหน้าที่ดูแลปกป้องน้องสาวจากการติดเชื้อรา และปรับสมดุลช่องคลอด เพราะฉะนั้นการที่จู่ ๆ น้องสาวของเรามีกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ขึ้นมา เช่น มีกลิ่นเหม็น กลิ่นเค็มแบบคาวปลา นั่นอาจเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ว่าจิมิกำลังเผชิญกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเกิดความไม่สมดุล การติดเชื้อรา หรือการเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ และสำหรับวิธีการดูแลน้องสาวไม่ให้มีกลิ่นนั้น อาจจะต้องมาดูกันว่าน้องสาวมีกลิ่นเกิดจากอะไรได้บ้าง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนทำการรักษาต่อไป หรือการที่น้องสาวมีกลิ่น เราจะกินอะไรดี เพื่อป้องกัน และเป็นการดูแลรักษาน้องสาวตั้งแต่ขั้นตอนแรกได้ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ว่าน้องมีกลิ่นมาจากสาเหตุอะไร วิธีการดูแลที่ถูกต้องทำอย่างไร รวมไปถึงวิธีการป้องกันง่าย ๆ ฉบับทำได้ที่บ้าน และผลิตภัณฑ์ที่ควรเลือกสรรมาใช้กับน้องสาวของเราอย่างอ่อนโยน เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ดีขึ้น และดูแลปกป้องน้องสาวได้ด้วย

น้องสาวมีกลิ่นเกิดจากอะไร

น้องสาวมีกลิ่นสาเหตุนั้นมีหลากหลาย ในบางคนก็มีอาการคัน ระคายเคือง แสบ หรือมีตุ่มหนองบริเวณช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุ ที่เราไม่ควรมองข้ามก็เพราะว่าบางคนยังไม่รู้ว่าน้องสาวมีกลิ่นเกิดจากอะไร ทำให้ดูแลได้ไม่ถูกต้อง และ นี่อาจไม่ใช่แค่การแพ้ผ้าอนามัย หรือมีกลิ่นผิดปกติทั่วไป แต่อาจรวมถึงอาการของโรคต่าง ๆ ที่ติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนทางสุขภาวะทางเพศได้ อันดับแรก เราคงต้องมาดูที่สาเหตุกันก่อนว่า การที่น้องสาวมีกลิ่น สามารถมาจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

  1. การติดเชื้อ
  • เชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด มีผลทำให้เกิดตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นคาวปลา
    หรือกลิ่นเน่าได้
  • เชื้อรา การติดเชื้อแบบนี้มักทำให้เกิดอาการคัน แดง และมีตกขาวเป็นก้อน
  • ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ติ่งเนื้อ ทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องน้อย
    มีเลือดออกผิดปกติ
  1. ปัจจัยด้านสุขอนามัย
  • ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดไม่เพียงพอหรือมากจนเกินไป ส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลที่ไม่เหมาะสม เช่น สบู่ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือน้ำหอมมากเกินไป
    อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และสมดุลของช่องคลอดเปลี่ยนไปได้
  • ใส่กางเกงในที่รัดรูป ทำให้น้องสาวอับชื้น ระบายอากาศได้ไม่ดี และเป็นแหล่งเพาะพัน
    ธุ์ของเชื้อโรค
  • ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยในช่วงที่มีประจำเดือน ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย และอับชื้นได้
  1. ปัจจัยอื่น ๆ
  • อาหารบางชนิด เช่น กระเทียม หอมแดง หรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง ก็อาจส่งผลให้น้องสาว
    มีกลิ่นได้
  • การรับประทานยาปฏิชีวนะบางตัว อาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียใน
    ช่องคลอด
  • โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคภูมิแพ้ อาจส่งผลต่อการเกิดกลิ่นของน้องสาวได้
    เช่นกัน

8 วิธีดูแลน้องสาวไม่ให้มีกลิ่น

how-to-take-care-of-hidden-spots_2

การดูแลน้องสาวไม่ให้มีกลิ่นนั้น ทำได้ไม่ยาก สามารถศึกษาและทำได้ที่บ้าน มาดูกันว่าเราทำอะไร
ได้บ้างเมื่อน้องสาวมีกลิ่น

  1. ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ควรเช็ดทำความสะอาดจากหน้าไปหลัง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง
    ของการติดเชื้อจากทวารหนักมาที่ช่องคลอดได้
  2. หมั่นดูแลขนบริเวณน้องสาว จริงอยู่ ที่ขนมีหน้าที่ช่วยปกป้องน้องสาวของเรา และลดการเสียดสีของผิวน้องสาวได้ แต่ถ้าหากไม่ดูแลรักษาความสะอาดให้ดีก็อาจทำให้อับชื้นและมีกลิ่นได้ง่าย
  3. ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำสะอาด หรือสบู่ที่อ่อนโยน แล้วซับให้แห้งสม่ำเสมอ
  4. งดการสวนล้างช่องคลอด ที่อาจทำให้สมดุลของแบคทีเรียบริเวณช่องคลอดเปลี่ยนไป 
  5. สวมกางเกงในที่พอดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป และทำจากผ้าฝ้าย เพื่อให้น้องสาวไม่อึดอัด และระบายอากาศได้ดี
  6. เลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีรูระบายอากาศรอบทิศทาง และซึมซับได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะผ้าอนามัยที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ อ่อนโยนต่อน้องสาว
  7. ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อสุขอนามัย และลดความอับชื้น
  8. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรือเครื่องเทศก์ เพราะอาจทำให้
    กลิ่นของอาหารที่กิน มีผลกับกลิ่นของน้องสาวได้

น้องสาวมีกลิ่น กินอะไรดี

how-to-take-care-of-hidden-spots_3

อย่างที่เรารู้กันว่าอาหารที่มีกลิ่นแรง สามารถทำให้น้องสาวมีกลิ่นตามไปด้วย แต่ก็ยังมีตัวช่วยที่กินแล้วน้องสาวปลอดกลิ่น มาดูกันว่าถ้าน้องสาวมีกลิ่น เราควรกินอะไรดี

  1. โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว เพราะอุดมไปด้วยแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียดีที่ช่วยรักษาสมดุลในช่องคลอด ลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น
  2. ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
  3. ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม เลมอน ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  4. อาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น กิมจิ มิโซะ กะหล่ำปลีดอง ช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้
    และช่องคลอด
  5. อาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ลดการสะสมของเสียได้
  6. น้ำเปล่า สิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อสุขภาพกายที่ดีทุกส่วน ไม่เว้นแม่แต่น้องสาวของเรา เพราะการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายขับสารคัดหลั่งในช่องคลอดได้มากขึ้น และลด
    การตกค้างของสารเหล่านั้น น้องสาวของเราก็จะไม่มีกลิ่นด้วย

ดูแลน้องสาวของเราให้สดใส ด้วยผ้าอนามัย ira

how-to-take-care-of-hidden-spots_4

เมื่อเรารู้สาเหตุแล้วว่าตัวน้องสาวมีกลิ่นเกิดจากอะไร และควรกินอะไรดี ตัวช่วยที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนที่อยากดูแลน้องสาวเลยก็คือ ผ้าอนามัย นอกจากวิธีใช้งานที่เราควรรู้แล้ว การเลือกใช้ผ้าอนามัยที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ก็เป็นทางเลือกที่สาย ECO มองหาในยุคนี้ ทั้งการตอบโจทย์เรื่องลดการแพ้ผ้าอนามัย และการย่อยสลายได้ ให้คุณใช้ผ้าอนามัยโดยไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะทำจากวัสดุธรรมชาติที่ผ่านการรับรองทั้งหมด มั่นใจได้ว่าไม่แพ้ ลดการระคายเคือง ผื่น รอยแดง และการอักเสบจากการใช้ผ้าอนามัย และด้วยใยไผ่ธรรมชาติที่มีรูระบายอากาศทั่วถึงที่ทำให้ลดความอับชื้น ก็ยิ่งทำให้หมดกังวลเรื่องกลิ่นน้องสาวได้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบกลางวันหนาปกติ แบบบางสบาย แบบกลางคืน หรือแผ่นอนามัย ที่ตอบโจทย์วันมามาก-มาน้อยได้ตาม
ความต้องการ ดูแลน้องสาวและทุก ๆ วันของคุณให้สดใสได้อย่างที่ใจต้องการ    

สนใจผลิตภัณฑ์ของ ira คลิก

how-to-take-care-of-hidden-spots_5

Join the movement.

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารจากเรา

EN
TH
hello@iraconcept.com
© 2025 by Ira Concept Co. Ltd.,