ira logo
ira logo
EN
TH

กลับไปหน้าบทความทั้งหมด

ประจำเดือนไม่มา 1 เดือน เมนส์มาไม่ปกติ สัญญาณบอกอะไร?!

August 15, 2024

8 นาที

คำถามอันดับแรกในใจของใครหลาย ๆ คน เมื่อประจําเดือนไม่มา 1 เดือนคือ “จะท้องไหม?” ก่อนอื่นนั้น สำหรับภาวะประจำเดือนไม่มาหรือขาดประจำเดือน (Amenorrhea) ในคนที่วางแผนจะมีลูกก็คงเป็นสัญญาณของข่าวดีให้ลุ้น แต่การที่ประจำเดือนไม่มาก็ไม่ได้แปลว่าท้องเสมอไป และอาจจะทำให้หลาย ๆ คน เกิดความกังวลใจไม่ใช่น้อย ความกังวลว่าจะท้องหรือไม่ เพราะไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก และยังคิดกังวล
ไปถึงอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพของมดลูก รังไข่ ช่องคลอด การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้ 

การที่ประจำเดือนมาไม่ตามปกติหรือขาดหายไป 1 เดือน อาจเกิดจากหลายปัจจัย นอกเหนือจาก
การตั้งครรภ์ ยังมีปัญหาที่มาจากความเครียด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของร่างกาย พฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกายที่มากไป ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักปัญหาและการดูแลสุขภาพเมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือช่วงเวลาไหนดีที่ควรไปพบแพทย์เพื่อตอบคำถามคลายกังวลว่าประจําเดือนไม่มา 1 เดือน เกิดจากอะไรได้บ้าง 

ประจําเดือนไม่มา 1 เดือน เกิดจากอะไร?

สาเหตุที่พบได้บ่อย เมื่อประจำเดือนไม่มา เกิดขึ้นได้ทั้งทางกายภาพและสภาพจิตใจ เช่น
การเจ็บป่วยทางกาย แม้จะไม่มีประจำเดือน แต่บางคนก็ยังมีอาการที่คล้ายกับช่วงประจำเดือนมาได้ เช่น สภาพจิตใจไม่คงที่ อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น ก่อนที่เราจะไปหาทางออกของเรื่องนี้ มาดูกันว่า
เมื่อประจำเดือนไม่มา 1 เดือน มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง

  1. การตั้งครรภ์ หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือในคนที่วางแผนจะมีลูก การที่ประจำเดือนขาดหายไปอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจการตั้งครรภ์
  2. ความเครียด ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน การเรียน กางเดินทาง หรือปัญหาชีวิตส่วนตัว ก็สามารถส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติได้ 
  3. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว การลดหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วสามารถทำให้ประจำเดือนขาดหายไปได้ น้ำหนักตัวที่น้อยเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นในการรักษาระดับฮอร์โมน ขณะที่น้ำหนักตัวที่มากเกินไปก็อาจส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุลได้เหมือนกัน
  4. การออกกำลังกายที่หนักเกินไป อาจทำให้การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ซึ่งส่งผลให้การตกไข่ไม่เป็นไปตามปกติ และทำให้ประจำเดือนไม่มาตามเวลาได้
  5. ภาวะความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่น Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) สามารถทำให้
    การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ และทำให้รอบเดือนขาดหายไปหรือมาไม่ปกติ
  6. วัยหมดประจำเดือน ส่วนมากเมื่ออายุมากขึ้น ในช่วง 45-55 ปี การที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอาจเป็นสัญญาณของวัยหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ร่างกายเริ่มลด
    การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน
  7. ผลกระทบจากยาบางชนิดและการรักษา เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือการรักษาทางการแพทย์ เช่น การบำบัดด้วยฮอร์โมน สามารถทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้
  8. โรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น เบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ อาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกาย
    ไม่สมดุลและส่งผลต่อรอบเดือน หรือความผิดปกติที่ต่อมไทรอยด์ สมอง ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome: PCOS) หรือมดลูกมีผังผืด ก็อาจส่งผลให้ประจำเดือนไม่มา
    ได้เช่นกัน

ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับประจำเดือนไม่มา 1 เดือน

สำหรับปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อประจำเดือนไม่มา 1 เดือน ส่วนมากเราจะพบว่าเป็นเรื่องของ
สุขภาพกายตามสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น และพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบ ทั้งการกิน นอน และพักผ่อน 
และที่พบได้บ่อยไม่แพ้กันเลยที่สุดก็น่าจะมีผลมาจากความเครียด ความกังวลใจในเรื่องอื่น ๆ ที่กระทบมายังสุขภาพจิต เช่น ความเครียดจากการทำงาน การเดินทางบ่อย และพักผ่อนน้อย ที่ส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนต่าง ๆ ตามมา เป็นลูกโซ่ ซึ่งก็มีผลทำให้ประจำเดือนไม่มาได้ หรือในบางคนก็มีอาการความเจ็บปวดเมื่อมีประจำเดือนที่รุนแรงขึ้น อย่างการปวดท้องหรือคัดหน้าอกมากขึ้น เมื่อจะมีรอบเดือนได้อีกด้วย นอกจากนี้ปัญหา
ที่พบบ่อยอีกอย่าง คือ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCOS ที่ปัจจุบันพบว่า มีสถิติอัตราการเกิดภาวะนี้
ในผู้หญิงทั่วโลกสูงถึง 60-70%  ที่บางครั้งมีการส่งสัญญาณมาจากการที่ประจำเดือนไม่มา 1 เดือนนั่นเอง

ประจําเดือนไม่มา 1 เดือนจะท้องไหม

แน่นอนว่าหลาย ๆ คนที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (หรือนานกว่านั้น) หลังจากประจำเดือนไม่มา 1 เดือน อาจจะพุ่งเป้าไปที่ตั้งครรภ์เป็นอันดับแรก แต่ถ้าหากมีการป้องกันโอกาสที่จะ
ตั้งครรภ์ก็จะมีน้อยมาก ๆ สิ่งที่เราควรทำให้เบื้องต้นก็คือตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ ซึ่งมีวิธีการ
ที่ปลอดภัย ดังนี้

  1. ใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อตรวจหาฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (hCG)
    ในปัสสาวะได้ โดยฮอร์โมนนี้จะถูกผลิตขึ้นเมื่อไข่ที่ผสมกับสเปิร์มฝังตัวในผนังมดลูก การตรวจ
    ควรทำหลังจากวันที่ประจำเดือนควรจะมาแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้ผลตรวจมีความแม่นยำมากที่สุด โดยชุดการตรวจครรภ์ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้านได้
  2. ตรวจเลือดที่คลินิก หากคุณต้องการผลการตรวจที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า การตรวจเลือดที่คลินิกเป็นอีกหนึ่งทางเลือก การตรวจเลือดสามารถตรวจหาฮอร์โมน hCG ได้ถึงแม้จะอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งทำให้สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วกว่าแบบปัสสาวะ
  3. การตรวจอัลตราซาวนด์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ช่วยยืนยันการตั้งครรภ์และตรวจสอบสภาพของทารกในครรภ์ได้ด้วย การตรวจอัลตราซาวนด์สามารถตรวจพบการเต้นของหัวใจทารกในช่วงเวลาประมาณ 6-7 สัปดาห์หลังจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย 
  4. โดยปกติแล้ว หากประจำเดือนไม่มาหลังจากมีเซ็กซ์ไปแล้ว 2 สัปดาห์ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เลย หากเราจำรอบเดือนของเราได้ไม่แม่น เพราะอาจเป็นช่วงของไข่ตกได้ ก็อย่าลืมว่า การที่ประจำเดือนไม่มา 1-2 เดือน ไม่ได้แปลว่าจะมีสาเหตุมาจากการท้องเสมอไป แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ข้างต้นที่ได้กล่าวมาแล้วก็ได้

ประจําเดือนไม่มา 1 เดือน แต่มีตกขาว

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักตกขาวกันก่อนว่า ตกขาวคืออะไร และมีลักษณะอย่างไรบ้างที่ปกติ และผิดปกติ โดยส่วนมากอาจเกิดจากประจำเดือนไม่มาแต่มีตกขาวในปริมาณที่มากขึ้นจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ หรืออาจเกิดได้หลายสาเหตุ ได้แก่

  1. การตั้งครรภ์ จะมีลักษณะของตกขาวสีขาวใสหรือขุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในระหว่างการตั้งครรภ์ 
  2. ความเครียด ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ก็สามารถทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ส่งผลให้
    ประจำเดือนขาดหายไปและอาจมีตกขาวมากขึ้นจากปกติ
  3. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้มีตกขาวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากฮอร์โมน
    ในร่างกายเกิดความไม่สมดุล
  4. การใช้ยาหรือฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือยาที่มีผลกระทบต่อฮอร์โมน
    เมื่อประจำเดือนขาดหายไปหรือเกิดความผิดปกติในรอบเดือนและทำให้มีตกขาวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
  5. ภาวะ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) เป็นภาวะที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล
    ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดหายไป และมักจะมีตกขาวมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังอาจ
    มีอาการอื่น ๆ เช่น การมีขนดก สิว หรือน้ำหนักขึ้นตามมาด้วย
  6. การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ เช่น การติดเชื้อยีสต์หรือแบคทีเรีย อาจทำให้เกิดตกขาวผิดปกติที่มีกลิ่นเหม็นหรือสีที่ผิดปกติ แม้ว่าการติดเชื้ออาจไม่ทำให้ประจำเดือนขาดหายไปโดยตรง แต่หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง คัดหน้าอก ซึ่งเป็นอาการก่อนมีประจำเดือนทั่วไปที่บ่งบอกว่าประจำเดือนกำลังจะมา แต่มาช้าจากรอบปกติก็ได้ 

อย่าลืมสังเกตตกขาวของเราว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น สีเปลี่ยนแปลงจากเดิม เช่น สีเหลือง เขียว เทา หรือมีเลือดปน และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ มีลักษณะเป็นก้อนขาว ๆ มากกว่าที่จะเป็นมูกเหลว ๆ
หรือมีอาการคัน ปวด แสบ หรือระคายเคืองประกอบด้วยบริเวณช่องคลอดน้องสาวตามมา ก็ควร
ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง

ผลข้างเคียงของประจำเดือนมาไม่ปกติ

Amenorrhea_3_1

การที่ประจำเดือนไม่มานั้น ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่เริ่มตั้งแต่ 1 เดือน หรือมากกว่านั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกายและใจ ได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่จะเกิดขึ้นกับเราบ้าง เพื่อให้เราทำความเข้าใจ และดูแลตัวเองได้ดีมากขึ้นต่อไป

  1. ผลกระทบทางร่างกาย อาการแรกที่หลาย ๆ คนเป็นบ่อย และต้องเจอเป็นส่วนมากคือ อาการ
    ปวดท้องน้อย ซึ่งอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไป บางครั้งอาจมีอาการปวดรุนแรงจนทำให้
    ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ การที่ต้องทนกับความปวดเป็นเวลานานอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง และทำให้เกิดความเครียดได้ สิ่งที่ตามมาก็คือ ระดับของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ทำให้เกิดปัญหาสิว ในบางคนอาจเป็นสิวเรื้อรัง ขนดก ผมร่วง หรือเห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง หรือมีปัญหาการตั้งครรภ์ เนื่องจากไข่ตกผิดปกติ ทำให้การตั้งครรภ์และการวางแผนมีลูกยากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อสุขภาพกายมีปัญหา สุขภาพใจก็จะมีปัญหาตามมาด้วย
  2. ผลกระทบทางจิตใจ เมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติ หลายคนจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง หรือกังวลเรื่องการท้องโดยไม่ได้ตั้งใจตามมา เมื่อประจำเดือนขาดหายไป ก็อาจเกิดเป็นความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้าได้สำหรับในบางคน ผลกระทบต่อมา เมื่อฮอร์โมนไม่สมดุล อารมณ์ใจคอ ก็จะแปรปรวนได้ง่าย ทำให้บางคนรู้สึกหงุดหงิด โกรธง่าย และส่งผลต่อความสัมพันธ์กับ
    คนรอบข้างได้ 
  3. ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะถ้าหากประจำเดือนไม่มา 3 เดือนขึ้นไป หรือมาไม่ปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณของการเกิดโรคในระบบสืบพันธุ์ เช่น ภาวะมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือภาวะ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะ PCOS ที่อาจทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ด้วย


วิธีดูแลตนเองไม่ให้ประจำเดือนขาด

Amenorrhea_6 (1)

การที่ประจำเดือนขาดหายไป 1 เดือนอาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเสมอไป แต่เราก็ต้องมีการดูแล
ตัวเองที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ซึ่งก็สามารถทำได้หลายวิธี และช่วยลดความวิตกกังวล
ของใครหลาย ๆ คนได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  1. ปรึกษาแพทย์ อย่างแรกเมื่อไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ทุกคนสามารถพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง หรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อให้คุณเองได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอีกด้วย
  2. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    ลดความเครียด และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล และ
    ลดโอกาสในการเกิดประจำเดือนมาไม่ปกติได้
  3. การใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน สำหรับบางคน เพื่อช่วยควบคุมรอบเดือนและปรับสมดุลฮอร์โมนให้คงที่ และประจำเดือนมาสม่ำเสมอขึ้น
  4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม อย่างตัวช่วยที่ต้องมีติดบ้าน ติดกระเป๋าของใครหลาย ๆ คนเป็นประจำทุกเดือน อย่างผ้าอนามัยที่ต้องมีพร้อมใช้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนมาไม่ตรงรอบ และคาดเดาไม่ได้ และแผ่นอนามัยที่ไว้สำหรับรองรับตกขาว ในช่วงที่ประจำเดือนยังไม่มา และเพื่อการดูแลน้องสาวอย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงที่ผิวน้องสาวอาจบอบบางที่สุด ira จึงออกแบบมาเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับทั้งช่วงมีประจำเดือน และตกขาว เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติ จึงทั้งอ่อนโยนต่อผิวสัมผัส และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ รวมทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์วีแกน 100% นั่นหมายความว่า ผ้าอนามัย และแผ่นอนามัย ira ย่อยสลายได้ มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่า เมื่อสมัครแพ็กเกจ
    รายเดือน ดูรายละเอียด คลิก

Join the movement.

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารจากเรา

EN
TH
hello@iraconcept.com
© 2025 by Ira Concept Co. Ltd.,