แพ้ผ้าอนามัย อาการเป็นอย่างไร สาเหตุและวิธีการแก้
August 5, 2024
•5 นาที
เชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้นของเดือนทีไร หลาย ๆ คนก็คงมีเรื่องให้ต้องกังวลใจอยู่ไม่น้อย ทั้งการเลือก
ผ้าอนามัย อาการปวดประจำเดือน ความกังวลเรื่องซึมเปื้อน รวมไปถึงที่หลาย ๆ คนต้องเคยมีประสบการณ์มาก่อนอย่างการแพ้อนามัยที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน เพราะผิวของน้องสาวเรานั้นค่อนข้างบอบบาง การแพ้ผ้าอนามัยเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน และในแต่ละคนก็จะมีอาการแตกต่างกันไป หรือบางคนอาจไม่แน่ใจว่าอาการที่พบนั้นเกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยหรือไม่ อาจเป็นแค่อาการระคายเคือง คัน แสบ มีรอยแดง ผิวลอก เป็นตุ่มได้ จนไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่มั่นใจ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ บางคนอาจจะแพ้หนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย
แต่ปัญหาเหล่านี้มีทางออก และแก้ไขได้ด้วยการลองมาทำความเข้าใจหาสาเหตุและวิธีการแก้ให้ตรงจุด และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลน้องสาวเราได้ อย่างผ้าอนามัย หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ทำจากธรรมชาติ อ่อนโยนส่วนใครที่มีอาการรุนแรงมาก เราก็แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
แพ้ผ้าอนามัย คืออะไร ทำไมต้องใส่ใจ
แพ้ผ้าอนามัย หรือที่เรียกว่า ผื่นผ้าอนามัย (Pad rash) คือ อาการระคายเคืองหรืออักเสบของผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอนามัย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย คนที่ใส่ผ้าอนามัยเป็นเวลานาน หรือคนที่ใส่ผ้าอนามัยแล้วมีการเสียดสีเยอะ โดยปกติจะเกิดในช่วงที่มีประจำเดือน ส่วนที่จุดซ่อนเร้นสัมผัสกับผ้าอนามัยหรือที่หว่างขาที่สัมผัสกับปีกผ้าอนามัย ปกติอาการแพ้นี้จะหายภายใน 1-5 วัน แต่เหตุผลที่ทำไมทุกคนต้องใส่ใจอาการแพ้ผ้าอนามัย ก็เพราะว่าอาการเหล่านี้อาจจะรามไปส่วนอื่นของร่างกายได้ และมันเป็นเรื่องกวนใจไม่ใช่น้อย เพราะเวลาแพ้จะมีอาการคันระคายเคืองตลอดเวลาที่จุดซ่อนเร้นของเรา บางคนอาจมีอาการแสบ บวม แดง อีกด้วย เพราะแพ้สารเคมีในผ้าอนามัย ไม่ว่าจะเป็นผิวสัมผัส แผ่นซึมซับ แผ่นกันซึม น้ำหอม หรือแถบกาว
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ทำให้คนที่มีอาการแพ้รู้สึกไม่สบายตัว และใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเมื่อต้องออกไปข้างนอก นอกจากนี้ การใส่กางเกงหรือกางเกงชั้นในที่รัดแน่น รวมทั้งการสวมผ้าอนามัยติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ยังอาจทำให้จุดซ่อนเร้นอับชื้น และเมื่อผิวหนังเสียดสีกับผ้าอนามัยเพิ่มเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้จุดซ่อนเร้นระคายเคืองมากขึ้นในขณะที่ร่างกายเคลื่อนไหว และเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อราในช่องคลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรใส่ใจก็คือต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเอง รวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นให้เหมาะสมอีกด้วย
สาเหตุของการแพ้ผ้าอนามัย
การแพ้ผ้าอนามัยมักเกิดจากการที่ผิวของจุดซ่อนเร้นสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) และสารก่อการระคายเคือง (Irritant) ในผ้าอนามัย ที่อาจเป็นส่วนประกอบในเนื้อผิวสัมผัส แผ่นซึมซับ แผ่นกันซึม น้ำหอม หรือแถบกาว ที่ทำจากสารเคมี จึงอาจมีผลให้ pH ของช่องคลอดเปลี่ยนไป หรือไม่อ่อนโยนมากพอที่จะดูแลจุดซ่อนเร้นที่ต้องการการปกป้องมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจเรื่องการแพ้ผ้าอนามัยมากขึ้น เราอาจต้องมาดูกันก่อนว่า สาเหตุของการแพ้ผ้าอนามัย มีปัจจัยอะไรบ้าง
1. สารเคมีในผ้าอนามัย เช่น สารฟอกขาว น้ำหอม สีย้อม เส้นใยสังเคราะห์ หรือกาวในผ้าอนามัย
2. การติดเชื้อเชื้อราหรือแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในสภาพอับชื้น ที่อาจมาจากการใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดิมเป็นเวลานาน ไปจนถึงการเกิดตกขาวที่ผิดปกติได้ด้วย
3. การเสียดสีระหว่างผ้าอนามัยกับผิวหนัง โดยเฉพาะในคนที่ใส่กางเกงในรัดรูปจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้
4. ในคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นมีความบอบบางมากกว่าส่วนอื่น ทำให้แพ้ต่อวัสดุที่ใช้ใน ผ้าอนามัยได้
แพ้ผ้าอนามัย อาการที่สังเกตได้
เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว ลำดับต่อมาที่สำคัญสำหรับทุกคนก็คือ ควรสังเกตอาการแพ้ผ้าอนามัย ซึ่งในแต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน ตามระดับความรุนแรงในการแพ้ เพื่อหาทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้ถูกวิธี ซึ่งจุดซ่อนเร้นของคุณจะส่งสัญญาณมาดังนี้
1. แพ้ผ้าอนามัยแล้วผิวมีรอยแดง คือ อาการที่ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอนามัยมีอาการคัน บวม มีตุ่มหรือรอยแดงขึ้น
2. แพ้ผ้าอนามัยแล้วแสบ เกิดจากการที่เมื่อระคายเคืองหรือคันแล้วเผลอไปเกา หรือตุ่มแดงมีการเสียดสีจนเกิดแผลถลอก จะรู้สึกแสบโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับน้ำ บางคนที่แพ้สารเคมีที่อยู่บนผิวสัมผัส ก็อาจจะรู้สึกแสบทันทีที่ผิวไปโดนสารเคมีนั้นเลย
3. แพ้ผ้าอนามัยแล้วผิวลอก เป็นผลต่อเนื่องจากการที่มีตุ่มแดง หรือแสบ เกิดการอักเสบมากขึ้นจนทำให้ผิวลอกตามมาได้
4. แพ้ผ้าอนามัย แล้วทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือมีลักษณะเป็นก้อน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการเริ่มติดเชื้อที่ช่องคลอด บางคนอาจเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว หรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศมากขึ้น เมื่อมีอาการนี้แล้วควรรีบพบแพทย์และหยุดใช้ผ้าอนามัยนั้นทันที
วิธีป้องกันไม่ให้แพ้ผ้าอนามัย
เมื่อรู้สาเหตุการแพ้ผ้าอนามัย และอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดกับเราได้แล้ว เพื่อให้เราสามารถดูแลใส่ใจจุดซ่อนเร้นได้มากขึ้น เราก็ควรรู้วิธีป้องกันและแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้ผ้าอนามัยมากขึ้น
1. ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกเปียกชื้น เพื่อป้องกันการอับชื้น
2. ทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วยสบู่อ่อน ๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดนเฉพาะ ล้างเบา ๆ แล้วซับให้แห้ง
3. ใส่ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี และขนาดพอดีตัว ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดความอับชื้น
4. หลีกเลี่ยงการสวนล้าง ที่อาจทำลายสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด
5. เลือกผ้าอนามัยแบบออร์แกนิค โดยเน้นทำจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ผ่านการฟอกสี และไม่มีสารเคมี
6. หลีกเลี่ยงการเกา และใช้ยาที่ลดอาการคัน เช่น ยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) และยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone)
แต่ถ้าหากทำตามวิธีเบื้องต้นเหล่านี้แล้ว ยังเกิดอาการแพ้ที่รุนแรงมากขึ้น ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุ และให้ได้รับการรักษาอย่างตรงจุด
ผ้าอนามัย ira ใส่แล้วไม่แพ้ ปลอดภัย ไร้กังวล
แน่นอนว่าผ้าอนามัย ira เป็นทางเลือกที่ดีของทุกคนที่ต้องการดูแลจุดซ่อนเร้นให้รอดพ้นจาก
การแพ้ผ้าอนามัย เพราะเป็นผ้าอนามัยออร์แกนิค ที่ชาววีแกนใช้ได้ แถมยังตอบโจทย์การเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้นในแบบ ECO เพราะสามารถย่อยสลายได้จริง แถมยังไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เพราะทุกชั้นตั้งแต่ผิวสัมผัสไปจนถึงซองห่อทำจากวัสดุธรรมชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเยื่อไม้ ใยไม้ไผ่ และใยข้าวโพด รวมทั้งยังปราศจากพอลิเมอร์ดูดซับน้ำ น้ำยาฟอกขาวคลอรีน น้ำหอม ไดออกซิน น้ำยาย้อมสี คนที่แพ้ง่ายจึงมั่นใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างแน่นอน บวกกับการมีรูระบายอากาศ และซึมซับได้ดีรอบทิศทาง เพียงเท่านี้
ในทุก ๆ เดือน เราก็หมดกังวลเรื่องการแพ้ผ้าอนามัยในวันมามากไปได้
สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ คลิก หรือ subscription Plan เพื่อรับส่วนลด 25% คลิก