ก้อนเลือดประจำเดือน เกิดจากอะไร อันตรายไหม วิธีแก้ไข
August 28, 2024
•7 นาที
รู้หรือไม่ว่า การมีก้อนเลือดในประจำเดือนเกิดจากอะไร? โดยปกติแล้วประจำเดือนที่เราชินตา
มักจะเป็นในรูปแบบของของเหลวข้นสีแดง สีน้ำตาล หรือสีที่เข้มขึ้นออกไปทางสีดำ แต่ในบางครั้งประจำเดือนก็อาจมาในรูปแบบของก้อนเลือด หรือลิ่มเลือด ซึ่งเป็นกลไกปกติของร่างกาย เพื่อป้องกัน
การสูญเสียเลือดเยอะ โดยการที่ร่างกายผลิตสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวในมดลูกหรือจับตัวกันเป็นลิ่ม
และถูกขับออกมาผ่านทางปากมดลูกและช่องคลอดเหมือนประจำเดือนโดยทั่วไป ถ้าหากก้อนเลือดมีขนาดไม่ใหญ่มาก และมักจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันก่อนมีประจำเดือน ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พบได้ แต่ถ้าหาก
ก้อนเลือดประจำเดือนใหญ่มาก และมีประจำเดือนมาในปริมาณเยอะ ขับก้อนเลือดทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง
หรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของสุขภาพที่อันตราย และควรไปพบแพทย์
ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับที่มาของการเกิดก้อนเลือดประจำเดือน ก้อนเลือดแบบไหน
ที่ปกติ และผิดปกติ วิธีสังเกต ตรวจเช็กสุขภาพร่างกายจากก้อนเลือดประจำเดือน และก้อนเลือดประจำเดือนบอกอะไรเราได้บ้าง และเราจะมีวิธีการดูแลตัวอย่างไรในช่วงวันมามาก เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิต
ในช่วงที่มีประจำเดือนด้วยความรู้สึกเบาสบาย และดูแลให้น้องสาวสดชื่นได้ตลอดวัน
ก้อนประจำเดือน เกิดจากอะไร?
เช็กกันอีกที ก้อนประจำเดือนคืออะไร ทำไมเลือดประจำเดือนถึงเป็นก้อนได้
ก้อนเลือดประจำเดือน หรือลิ่มเลือด เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการมีประจำเดือน จากการ
ถูกกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณมดลูกมีการจับตัวกันหนาขึ้น
และหลุดลอกออก โดยทั่วไปแล้วจะมีสีแดงเข้มถึงดำ และมีลักษณะเหนียวข้นหรือเป็นก้อนเล็ก ๆ
เป็นผลจากการที่เลือดในโพรงมดลูกจับตัวกันก่อนที่จะถูกขับออกมาทางช่องคลอด โดยในระหว่างนั้น ร่างกายจะมีกลไกที่กระตุ้นให้เลือดมีการแข็งตัว เพื่อป้องกันการเสียเลือดเยอะ โดยเฉพาะในบางคน
ที่มีประจำเดือนมามาก ก็อาจมีก้อนเลือดประจำเดือนมากตามมาด้วย ก้อนเลือดประจำเดือนอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณเลือด และการหดตัวของมดลูก ซึ่งมีสาเหตุ
มาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่สาเหตุโดยทั่วไปจนถึงสาเหตุที่เป็นสัญญาณของความผิดปกติ ได้แก่
- การหดตัวของมดลูก เนื่องจากเมื่อมดลูกหดตัวเพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา เลือดที่อยู่ในโพรงมดลูกจะเกิดการจับตัวเป็นก้อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือนมาเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกระบวนการในร่างกาย
- ฮอร์โมนไม่สมดุล ทำให้เกิดการขับเลือดประจำเดือนที่ผิดปกติได้ และอาจทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนหรือเหนียวมากขึ้น เช่น ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
ที่สูงหรือต่ำเกินไป หรือในคนที่เป็นโรคไทรอยด์ - การมีภาวะเนื้องอกมดลูก (Fibroids) อาจทำให้มดลูกขับเลือดออกมามากขึ้นและทำให้เกิด
ก้อนเลือดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง - ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ภาวะนี้อาจทำให้เกิดการตกเลือดที่รุนแรงขึ้น และส่งผลให้เลือดจับตัวเป็นก้อนใหญ่ขึ้นได้
- ความผิดปกติระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น การท้องนอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) และ
การแท้งลูก ทำให้มีเลือดและลิ่มเลือดออกมาทางช่องคลอดได้ - ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) ก็อาจทำให้ประจำเดือนมามากผิดปกติได้เช่นกัน
ก้อนประจำเดือนแบบไหนที่เป็นอันตราย วิธีสังเกต
อย่างที่รู้กันว่า ก้อนเลือดประจำเดือน หรือลิ่มเลือด มีโอกาสที่เกิดขึ้นได้พร้อมกับช่วงมีประจำเดือน แต่ก็มีหลายอาการที่เป็นสัญญาณของความผิดปกติ และอาจก่อโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดอันตราย และกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต มาดูกันดีกว่าว่า ก้อนเลือดประจำเดือนแบบไหนที่ควรกังวล แล้วเราจะสังเกตมันยังไงได้บ้าง
- ก้อนเลือดประจำเดือนใหญ่มากกว่าปกติ คือ มีขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบบาท จากปกติที่ควรมีขนาดไม่เกิน 2 ซม.
- มีอาการปวดท้องรุนแรงร่วมกับการมีประจำเดือน
- สีของก้อนเลือดประจำเดือนมีสีคล้ำ
- ประจำเดือนมามากกว่าปกติ เช่น ในบางคนถึงกับต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง
- รอบเดือนมีความไม่สม่ำเสมอหรือมานานกว่าสัปดาห์ เช่น บางคนที่มีประจำเดือนมานานเกิน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม ในบางคนอาจไม่ได้เกิดเพียงแค่อาการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อาจเกิดจาก
หลายอาการร่วมกัน แต่ก็ไม่ควรละเลยที่จะพบแพทย์โดยทันทีที่สงสัยว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น
ก้อนประจำเดือน เป็นสัญญาณเตือนของโรคอะไรบ้าง?
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ภาวะนี้เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญ
นอกมดลูก เช่น ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงและก้อนเลือดประจำเดือน
ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น - เนื้องอกมดลูก (Uterine Fibroids) เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งที่เจริญในมดลูก สามารถทำให้
ประจำเดือนมามากขึ้นและมีเลือดจับตัวเป็นก้อนใหญ่ - ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ (Endometrial Hyperplasia) การที่เยื่อบุโพรงมดลูก
หนาตัวมากกว่าปกติอาจทำให้มีประจำเดือนมามากและก่อให้เกิดก้อนเลือด ซึ่งภาวะนี้อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ - การแท้งบุตร (Miscarriage) หากคุณตั้งครรภ์และพบว่ามีก้อนเลือดใหญ่ร่วมกับอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของการแท้งบุตร ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- ภาวะโลหิตจางจากการมีประจำเดือนมาก (Menorrhagia) การที่มีประจำเดือนมามากเกินไป
และมีเลือดจับตัวเป็นก้อนบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ ซึ่งจำเป็นต้องรับการรักษา
หากคุณพบว่ามีก้อนเลือดประจำเดือนบ่อยครั้ง หรือมีอาการที่รุนแรงกว่าปกติ เช่น ปวดท้องมาก ประจำเดือนมามากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกัน
และจัดการกับโรคหรือภาวะทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
วิธีการดูแลตนเองช่วงมีประจำเดือน
- ตัวช่วยแรกที่ขาดไม่ได้สำหรับการมีเมนส์เลยก็คือ ผ้าอนามัย ในวันนั้นของเดือนหลาย ๆ คน
อาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอยู่แล้ว ผ้าอนามัย ira จึงถูกออกแบบมาพร้อมกับผิวสัมผัสที่ช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ซึมซับได้ทั้งเลือดประจำเดือน หรือก้อนเลือดประจำเดือนอย่างไร้กังวล
ทั้งคนที่มีประจำเดือนมามาก หรือมาน้อย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่มีน้ำยาย้อมสี ความออร์แกนิก 100% นี้ยังช่วยให้ทุกคนเช็กสุขภาพจากสีจริงของประจำเดือนและสีของก้อนเลือดประจำเดือนได้ด้วยเพราะผ้าอนามัยปราศจากสารเคมีที่อาจมีปฏิกิริยากับประจำเดือน แถมมี Subscription Plan ที่คุ้มค่ามากขึ้นด้วย - การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้เลือดมีความเหนียวน้อยลง และลดโอกาสในการจับตัวเป็นก้อน
- การรับประทานอาหารที่เหมาะสม โดยเน้นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักใบเขียว หรือเนื้อแดง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการเสียเลือด
- การออกกำลังกายเบา ๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการจับตัวเป็นก้อน นอกจากนี้
การฝึกโยคะหรือการเดินเล่นยังช่วยลดอาการปวดท้องที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนได้ด้วย - การตรวจสุขภาพประจำปี เช่น การตรวจภายใน ที่ควรตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อเช็กสุขภาพ และปัญหาต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติก็ช่วยให้รักษาได้แต่เนิ่น ๆ ได้
- การล้างทำความสะอาดน้องสาวอย่างถูกวิธี ก็ช่วยลดกลิ่น และความเสี่ยงของการเกิดปัญหาด้านสุขภาวะทางเพศอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้