ประจำเดือนนานสุดกี่วัน? รอบเดือนแบบไหนที่ปกติ
August 28, 2024
•8 นาที
ประจำเดือน เป็นสัญญาณที่การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง
เกิดจากกลไกที่ร่างกายมีการเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ซึ่งกระบวนการเกิดประจำเดือนเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกายและทำงานร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลอกตัวของเยื่อบุมดลูกออกมาจากช่องคลอดเป็นประจำเดือน เนื่องจากการตกไข่ที่ไม่มีการปฏิสนธิในแต่ละเดือนนั้น ๆ โดยเฉลี่ยแล้ว รอบเดือนจะมาประมาณ 28 วันต่อครั้ง แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น อาจจะ
มาเร็วขึ้นหรือช้าลงเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ รอบเดือนที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 21-35 วันต่อครั้ง
การทราบถึงความปกติของรอบเดือน และระยะเวลาที่ประจำเดือนมา สามารถช่วยให้คุณสังเกตหรือบันทึกสุขภาพร่างกายของคุณเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ระยะเวลารอบเดือนนานแค่ไหนถึงจะปกติ? ประจำเดือนมาหลายวันเพราะอะไร แล้วในคนที่ประจำเดือนไม่มาจนเกิดภาวะขาดประจำเดือนคืออะไร เพราะรอบเดือนของแต่ละคน หรือในคน ๆ เดียวกันนั้นแตกต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเป๊ะทุกเดือน แต่บางอาการก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องหันมาใส่ใจมากขึ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติ และก่อโรคบางอย่างได้
รู้จักกับประจำเดือน และเรื่องที่ควรใส่ใจเกี่ยวกับประจำเดือนของคุณ
ประจำเดือน เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายไม่มีการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิในรอบเดือนนั้น ๆ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก
ที่เตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว ไม่ได้รับการใช้งาน จึงหลุดลอกออกมาพร้อมกับเลือดและของเหลวอื่น ๆ ผ่านทางช่องคลอด ซึ่งกระบวนการของการเกิดประจำเดือนก็มีขั้นตอนที่สำคัญ ได้แก่
- การตกไข่ ทุก ๆ เดือน รังไข่ของผู้หญิงจะปล่อยไข่ออกมาหนึ่งฟอง ซึ่งเรียกว่าการตกไข่
ไข่นี้จะเดินทางผ่านท่อนำไข่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผสมกับอสุจิ หากมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น - การสร้างเยื่อบุโพรงมดลูก โดยในขณะเดียวกันฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้น
ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นเพื่อเตรียมรับการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว - การลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งหากไข่ที่ตกออกมาไม่ได้รับการผสม เยื่อบุโพรงมดลูกจะ
หลุดลอกออกมา ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของประจำเดือน ประกอบด้วยเลือด เยื่อบุผิว
และสารคัดหลั่งอื่น ๆ - การขับออกของประจำเดือน เลือดและเยื่อบุที่หลุดลอกจะถูกขับออกจากร่างกายผ่าน
ทางช่องคลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้จักกันในนามของประจำเดือน
สาเหตุที่มีชื่อเรียกว่าประจำเดือน เพราะว่ากระบวนการนี้จะเกิดขึ้นทุก ๆ เดือน แต่สิ่งที่เรา
ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ เช่น ประจำเดือนขาดหายไป หรือมาปริมาณมากหรือน้อยเกินไป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ อื่น ๆ เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุล หรืออาการอื่น ๆ
ที่อาจต้องพบแพทย์ โดยเราควรสังเกตตัวเองร่วมด้วย เช่น ลักษณะสีของประจำเดือน ระยะห่าง
ระหว่างรอบเดือน หรือประจำเดือนขาดไปนานแค่ไหน ประจำเดือนรอบนั้นมานานแค่ไหน การที่มีอาการตกขาวร่วมด้วย มีกลิ่น หรือลักษณะที่ผิดปกติไป หรืออาการปวดท้องในบางคนที่ค่อนข้างรุนแรง
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในอย่างละเอียด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประจำเดือนสามารถช่วยให้
ทุกคนดูแลสุขภาพของตนเอง และสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้
นอกจากการสังเกตตัวเองที่เป็นวิธีการใส่ใจสุขภาพน้องสาวเราได้แล้ว ในวันมามากก็เป็นช่วงที่
เราต้องหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน บอบบาง แต่ก็ยังสามารถดูแลปกป้องน้องสาวของเราได้ เพราะทุกคน
ต้องใส่ผ้าอนามัยในวันนั้นกันอยู่แล้ว ผ้าอนามัย ira จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานนี้ให้กับ
ทุกคน ที่มาพร้อมทั้งแบบกลางวัน กลางคืน และแผ่นอนามัยสำหรับวันที่มีตกขาวด้วย และดีกว่าด้วยการ
ใช้วัสดุจากธรรมชาติทุกชั้นซึมซับ สำหรับคนที่ต้องการใส่ใจตัวเองเป็นพิเศษ เพราะกังวลเรื่องแพ้ง่าย
ก็หายห่วง
รู้จักประจำเดือนปกติเป็นอย่างไร ต้องมานานเท่าไหร่
ระยะเวลา โดยเฉลี่ยแล้ว รอบเดือนจะมาประมาณ 28 วันต่อครั้ง ซึ่งวันที่ 1 คือวันแรกที่ประจำเดือนมา แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง เช่น มาเร็วขึ้นหรือช้าลงเล็กน้อยไม่กี่วัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ รอบเดือนที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 21-35 วัน ต่อครั้ง จำนวนวันที่มีเลือดออก หลายคนอาจสงสัยว่าประจำเดือนนานสุดกี่วันถึงจะพอดีกับแต่ละคน ปริมาณเลือดที่ออกแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว ประจำเดือนจะมานานประมาณ 3-7 วัน ซึ่งปริมาณเลือดที่ออกแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ทั่วไปจะใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าซับประจำเดือนประมาณ 4-8 ชิ้นต่อวัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อรอบเดือน ให้มีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น
ฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชายที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรอบเดือน โรคประจำตัวบางชนิด เช่น
โรคไทรอยด์ผิดปกติ หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือในบางคนที่มีน้ำหนักตัวที่มากหรือ
น้อยเกินไป การออกกำลังกายที่มากเกินพอดี หรือในบางคนมีความเครียดเรื้อรัง การใช้ยาบางชนิด
เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาทางจิตเวชอื่น ๆ ก็มีผลทำให้รอบเดือนที่ปกติไม่ปกติได้เช่นกัน
รู้จักประจำเดือนที่อาจส่งสัญญาณไม่ปกติของร่างกาย และสัญญาณเตือนจากประจำเดือนที่ควรใส่ใจ
- รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ถ้าหากรอบเดือนของคุณมาไม่ตรงเวลา หรือมีระยะห่างระหว่างรอบเดือนที่เปลี่ยนแปลงไปมาก อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางฮอร์โมน โรคบางชนิด หรือความเครียด
- ถ้าหากประจำเดือน
ของคุณมานานเกิน 7 วัน และมีเลือดออกมากผิดปกติ ผ้าอนามัยที่ใช้เต็มและต้องเปลี่ยนหลายครั้งต่อวัน อาจเป็นสัณณาณว่าเกิดการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เนื้องอกในมดลูก หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ - ประจำเดือนมาน้อยเกินไป หรือขาดหายไปนาน อาจเกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์ การลดน้ำหนัก
อย่างรวดเร็วฉับพลัน หรือภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล - มีเลือดออกระหว่างรอบเดือน อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เนื้องอก หรือมะเร็ง
- มีลิ่มเลือดปนในเลือดประจำเดือน อาจเกิดจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือเนื้องอก
- มีอาการปวดท้องรุนแรง จนกระทั่งทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณของโรค Endometriosis หรือภาวะอื่น ๆ
- มีตกขาวผิดปกติ ที่มีกลิ่น สี หรือลักษณะผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้ออื่น ๆ หรือ
เชื้อราในช่องคลอดได้
หากใครมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยรักษา นอกจากนี้ในบางคนอาจมีภาวะการขาดประจำเดือนนาน ๆ อาจส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้ด้วย เรามาดูกันดีกว่าคืออะไร และต้องดูแลร่างกายของเรายังไงได้บ้าง
ภาวะขาดประจำเดือนคืออะไร และวิธีการดูแล
ภาวะขาดประจำเดือน หรือ Amenorrhea คือ ภาวะที่ประจำเดือนหายไปนานกว่า 3 เดือน
โดยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงที่เคยมีประจำเดือนมาก่อน (secondary amenorrhea) และผู้หญิงที่
ยังไม่เคยมีประจำเดือน (primary amenorrhea) ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่สาเหตุทางกายภาพ
ไปจนถึงปัจจัยทางจิตใจ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เนื้องอกในมดลูก ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อและการขาดสารอาหาร ส่วนปัจจัยของสุขภาพใจ ก็ได้แก่ ความเครียด โรคซึมเศร้า ภาวะผิดปกติทางการกิน
ซึ่งอาการของภาวะขาดประจำเดือน นอกจากอาการขาดประจำเดือนแล้ว อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักเปลี่ยนแปลง มีขนขึ้นตามตัวมากผิดปกติ เสียงแหบ สิวขึ้น ผมร่วง ปวดหัว อ่อนเพลีย กระดูกเปราะ
วิธีการดูแลตนเองเมื่อมีภาวะขาดประจำเดือน
- ปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และได้รับการรักษาที่เหมาะสม
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- จัดการความเครียด
- ใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น ในบางคนที่แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากภาวะฮอร์โมนผิดปกติ อาจต้องใช้ยาเพื่อปรับระดับฮอร์โมน
- หากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากโรคประจำตัวอื่น ๆ การรักษาโรคประจำตัวก็จะช่วยบรรเทาอาการได้
- ตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ เผื่อในกรณีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น จะได้รักษาทัน
ภาวะขาดประจำเดือนไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยผ่าน หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง การดูแลสุขภาพที่ดีและการรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยให้คุณ
มีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น